ผบช.ภ.4 ร่วม บิ๊กโจ๊ก ลุยจับ นายทุนเงินกู้โหด กุมภวาปี ยึดรถ 111 คัน

ผบช.ภ.4 ร่วมกับ บิ๊กโจ๊ก นำกำลังลุยจับนายทุนเงินกู้โหด อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ยึดรถ 111 คัน ยึดทรัพย์สินตามหมายจับ 250 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 14 สิงหาคม พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4, พ.ต.อ.คงฤทธิ์ พงษ์ศิริสมบัติ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.พิเชษ วงษ์บุรี ผกก.สภ.กุมภวาปี พร้อม พ.อ.จักรพงษ์ โพธินาแค รอง ผบ.ร.13, นายสมภาพ ตั้งอรุณสวัสดิ์ ผู้ช่วยป้องกัน จ.อุดรธานี นำกำลังเข้าจับกุม นายสหัส อุดมพานิช, นางอรพรรณ อุดมพานิช และนายคึกฤทธิ์ อุดมพานิช

ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยเข้าจับกุมที่ บริษัท กุมภาวาปีกลการ จำกัด เลขที่ 249 ถ.มิตรภาพ ต.พันดอน อ.กุมภาวาปี จ.อุดรธานี

สืบเนื่องจาก มีลูกหนี้ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ จากการกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ระบุว่าได้นำที่ดินมาจำนอง จำนำ กับทางผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และถูกเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งนอกจากจะรับจำนองโฉนดที่ดินแล้ว ยังได้รับจำนำรถบรรทุกสิบล้ออีกจำนวนมาก ตำรวจจึงสอบสวนปากคำลูกหนี้ที่เข้าร้องเรียนแจ้งความ พร้อมรวบรวมหลักฐาน และขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นยึดเอกสารหลักฐานต่างๆ จำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา

จนมาวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี เพื่อเข้าจับกุมทั้ง 3 คน ซึ่งไม่ได้มีท่าทีหลบหนี และคณะยังได้ทำการตรวจสอบรถยนต์หรู และรถบรรทุก ที่มีประชาชนนำมาจำนำรวม 111 คัน ที่จอดไว้ภายในบริษัท รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมแจ้งให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ทราบว่า ต้องตรวจอายัดทรัพย์สินทั้งหมด สำหรับการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมามีการนำหมายศาลเข้าทำการจับกุมนายทุนดอกโหดในพื้นที่ จ.อุดรธานี แล้ว 12 ราย และ 3 รายล่าสุด รวมมีการจับกุมแล้ว 15 ราย

พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นที่บริษัทฯ แห่งนี้ มาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อพบพยานหลักฐาน จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งที่นี่ทำธุรกิจขนส่ง และให้กู้ยืมเงินดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด จึงเข้าทำการจับกุม ซึ่งผลจากการดำเนินการสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้ประมาณ 250 ล้านบาท ทั้งนี้ ทางผู้ต้องหาได้มีการพูดคุยไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้ไปแล้วบางส่วน ทั้งนี้ ก็ยังคงต้องดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เพื่อดำเนินการส่งให้ทาง ปปง.เข้ามาดำเนินการ ซึ่งทางผู้ต้องหาก็ต้องไปชี้แจงกับทาง ปปง.ต่อไป

“อนาคตในภาพรวม รูปแบบการกู้ยืมเงินคงต้องปรับเปลี่ยน จะมาคิดอัตราดอกเบี้ยโหดอีกต่อไปไม่ได้ ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย การดำเนินการครั้งนี้ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ ที่จะทำให้การดำเนินการธุรกิจปล่อยเงินกู้ต้องปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะกฎหมายต่างๆ อาจจะต้องปรับเปลี่ยน เช่น กฎหมายเรื่องการขายฝาก เพราะชาวบ้านคงจะติดต่อทำธุรกรรมการเงินกับสถาบันการเงินยาก จึงต้องหันมาหานายทุน เขาให้เซ็นชื่ออะไรก็เซ็นไป ทั้งหนังสือขายฝาก หนังสือมอบอำนาจ เซ็นกระดาษเปล่าก็ยอม จนต้องกลับมาเป็นเช่าที่ดินของตัวเอง ซึ่งเมื่อขึ้นศาลหลักฐานต่างๆ เป็นการเซ็นอย่างถูกต้อง จนต้องแพ้คดีถูกขับไล่จากที่ดินตัวเอง”

ผบช.ภ.4 กล่าวอีกว่า เมื่อมีการเจรจาไกล่เกลี่ยที่มีคณะกรรมการหลายฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร ยุติธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม อัยการคุ้มครองสิทธิ ดีเอสไอ ที่อุดรธานีเป็นแบบอย่าง เจ้าหนี้ ลูกหนี้ มีความพึงพอใจ ต่อหน้าคณะกรรมการที่มีการบันทึกถ้อยคำไว้ ตกลงคืนโฉนด หรือทำสัญญาใหม่ปรับหนี้ คิดดอกเบี้ยตามกฎหมาย โดยทั้ง 2 ฝ่าย จะทำสัญญาตกลงต่อหน้าคณะกรรมการที่เป็นพยาน

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เปิดเผยว่า วันนี้นโยบายของรัฐบาล ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ประชาชนนับแสนคนยังคงเดือดร้อนในเรื่องดังกล่าว การทำงานไม่ได้มองว่าความเสียหายเท่าไร ซึ่งการทำหน้าที่ของทุกฝ่าย จะทำการเริ่มต้นใหม่ระหว่างลูกหนี้กับนายทุน เป็นการเซตซีโร่จะใช้เวลานานแค่ไหน เราก็ต้องเริ่มทยอยทำไป วันนี้เราต้องทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย จากนั้นทุกส่วนที่รัฐบาลมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการบูรณาการทั้งหมด

“เมื่อตำรวจบังคับใช้กฎหมายแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติ ครม. ทั้ง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม ต้องเข้ามาดูแลในการทำให้ชาวบ้านแข็งแรง อย่างน้อยต้องมีอาชีพ ให้มีหลักมีฐาน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ต่างๆ ที่ถูกกฎหมายได้ ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องเริ่มดำเนินการ คือ เคลียร์ให้หมด ล้างให้หมด ดำเนินคดีให้หมด บังคับใช้กฎหมายทั้งหมด กับในส่วนของนายทุนที่ฉ้อฉล เราต้องดำเนินการเข้าถึงเส้นเลือดของชาวบ้าน ไม่เอาแค่กล้ามเนื้อแล้ว เพื่อให้เขามีที่ทำกิน ให้ได้ความเป็นธรรม และในส่วนของนายทุนต่างๆ เราก็ต้องดูแลเขาด้วย ต้องให้ความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง เท่าเทียมกัน”

ข้อความนี้ถูกเขียนใน ไม่มีหมวดหมู่ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.