รับจำนองบ้าน รับขายฝากบ้าน รับไถ่ถอนบ้าน สิ่งปลูกสร้างทุกชนิด ได้เงินทันทีในวันเดียว ยินดีให้คำปรึกษาฟรี ผ่านนายทุนโดยตรง ไม่ผ่านนายหน้า โทร.086-6230150

บริการ รับจำนอง รับขายฝาก บ้าน ที่ดิน คอนโด อาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด 

อนุมัติวงเงินกู้รวดเร็ว ทันที!! ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ !!
วงเงินอนุมัติสูงที่สุด 80-90% ดอกเบี้ยต่ำ !!! เงินด่วน ไม่ตรวจแบล็คลิส

หลักการทำงาน
– ดอกเบี้ยต่ำ (ขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์และวงเงินที่จะ จำนอง หรือ ขายฝาก)
– วงเงินให้สูงสุด 70% จากราคาประเมินของกรมที่ดิน และ ราคาซื้อขายปัจจุบัน
– ทุกอย่างเป็นความลับ หากไม่ต้องการให้คนในบ้านรู้ สามารถบอกได้
จำนองส่งไปเรื่อยๆไม่มีกำหนดระยะเวลา สามารถตัดต้นลดดอกได้
ขายฝากระยะของสัญญาเป็น หกเดือน หรือ ปีต่อปี แล้วแต่กำหนด สามารถต่อสัญญาได้ถึง 10ปี
– ทำสัญญาที่กรมที่ดิน ถูกต้องตามกฎหมายอย่างแน่นอน
คุยกับนายทุนโดยตรง สามารถตัดสินใจได้ทันที อนุมัติง่าย รู้ผลภายในวันเดียว
– รับเงินทันที ในวันที่ทำสัญญาที่กรมที่ดิน


เอกสารเบื้องต้นที่ต้องเตรียมเพื่อให้พิจารณาวงเงิน
– สำเนาโฉนดหน้า – หลัง
– รูปถ่ายทรัพย์ (ง่ายต่อการอนุมัติ)
– แผนที่แสดงที่ตั้งทรัพย์
-ใบแสดงราคาประเมินจากกรมที่ดิน (ไม่มีก็ได้)


สำหรับนายหน้าส่งงาน จำนอง – ขายฝาก
กรุณาเตรียมสำเนาโฉนดหน้าหลัง ราคาประเมิน ราคาตลาดของทรัพย์ รูปถ่ายทรัพย์
เพื่อง่ายและรวดเร็วต่อการพิจารณา


รุ่งเรืองลิสซิ่ง
ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม เป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างยิ่งจากกลุ่มลูกค้าในเรื่องการบริการสินเชื่อ อีกทั้งประสบการณ์ ในการประกอบธุรกิจที่ปรึกษาทางด้านการเงินและสินเชื่อธุรกิจอย่างจริงใจมายาวนานกว่า 10 ปี 
รุ่งเรืองลิสซิ่ง ให้บริการท่านตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ ในช่วงเวลา 09.00 – 17.00 น.


phone    086-6230150 (ยินดีให้คำปรึกษาฟรี)

line    0866230150 

                       

                            ** เพิ่ม Id Line ด้วย QR CODE **


1. กรุงเทพมหานคร 
2. กระบี่ 
3. กาญจนบุรี 
4. กาฬสินธุ์ 
5. กำแพงเพชร 
6. ขอนแก่น 
7. จันทบุรี 
8. ฉะเชิงเทรา 
9. ชลบุรี 
10. ชัยนาท 
11. ชัยภูมิ 
12. ชุมพร 
13. เชียงราย 
14. เชียงใหม่ 
15. ตรัง 
16. ตราด 
17. ตาก 
18. นครนายก 
19. นครปฐม 
20. นครพนม 
21. นครราชสีมา 
22. นครศรีธรรมราช 
23. นครสวรรค์ 
24. นนทบุรี 
25. นราธิวาส 
26. น่าน 
27. บึงกาฬ 
28. บุรีรัมย์ 
29. ปทุมธานี 
30. ประจวบคีรีขันธ์ 
31. ปราจีนบุรี 
32. ปัตตานี 
33. พระนครศรีอยุธยา 
34. พังงา 
35. พัทลุง 
36. พิจิตร 
37. พิษณุโลก 
38. เพชรบุรี 
39. เพชรบูรณ์ 
40. แพร่ 
41. พะเยา 
42. ภูเก็ต 
43. มหาสารคาม 
44. มุกดาหาร 
45. แม่ฮ่องสอน 
46. ยะลา 
47. ยโสธร 
48. ร้อยเอ็ด 
49. ระนอง 
50. ระยอง 
51. ราชบุรี 
52. ลพบุรี 
53. ลำปาง 
54. ลำพูน 
55. เลย 
56. ศรีสะเกษ 
57. สกลนคร 
58. สงขลา 
59. สตูล 
60. สมุทรปราการ 
61. สมุทรสงคราม 
62. สมุทรสาคร 
63. สระแก้ว 
64. สระบุรี 
65. สิงห์บุรี 
66. สุโขทัย 
67. สุพรรณบุรี 
68. สุราษฎร์ธานี 
69. สุรินทร์ 
70. หนองคาย 
71. หนองบัวลำภู 
72. อ่างทอง 
73. อุดรธานี 
74. อุทัยธานี 
75. อุตรดิตถ์ 
76. อุบลราชธานี 
77. อำนาจเจริญ

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ติดป้ายกำกับ , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , | 1 ความเห็น

กฏหมายขายฝากฉบับใหม่ ลูกหนี้เฮ ครบอายุแล้วสามารถต่อได้อีก 6 เดือน !!!

สรุปประเด็นกฎหมายใหม่ดังนี้

  • สัญญาต้องถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ก่อน กฎหมายระบุให้การทำสัญญาขายฝากและการแก้ไขข้อตกลงทุกครั้งต้องระบุรายละเอียดครบถ้วน และต้องถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ดินก่อนจึงจะสามารถจดทะเบียนได้
  • ห้ามทำสัญญาขายฝากต่ำกว่า 1 ปี กำหนดเวลาไถ่ถอนต้องมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี สูงสุดไม่เกิน 10 ปี (ของเดิมนิยมทำสัญญากันเพียง 3-4 เดือน แล้วค่อยทำใหม่เป็นคราวๆ ไป) ภาครัฐให้เหตุผลว่าที่ต้องกำหนดเช่นนี้เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตรที่ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี
  • สินไถ่รวมดอกเบี้ยต้องไม่เกิน 15% ต่อปี เจ้าหนี้จะแอบไปทำสัญญาต่างหากให้ลูกหนี้เสียค่าธรรมเนียมโน่น เสียค่าใช้จ่ายนี่ เพื่อให้ดอกเบี้ยรวมกันเกิน 15% ไม่ได้ จะเป็นผลให้ดอกเบี้ยทั้งหมดเป็นโมฆะทันที ไม่ใช่เป็นโมฆะเฉพาะส่วนที่เรียกเกินอัตรา 
  • เจ้าหนี้ต้องแจ้งวันไถ่ถอนและจำนวนสินไถ่เป็นหนังสือก่อนกำหนดไถ่ถอน 3-6 เดือน         ถ้าไม่ยอมแจ้งก็จะถูกลงโทษ โดยให้ถือว่ากำหนดไถ่ถอนหรือกำหนดชำระหนี้คืนขยายออกไปอีก 6 เดือนโดยอัตโนมัติ
  • เลือกไถ่คืนที่ไหนก็ได้ ลูกหนี้มีสิทธินำสินไถ่ไปวางที่สำนักงานที่ดินจังหวัดใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสำนักงานที่ดินที่จดทะเบียนขายฝาก หรือจะวางสินไถ่ไว้ที่สำนักงานทรัพย์จังหวัดเหมือนเดิม
  • ไถ่คืนล่วงหน้าได้และได้ลดดอก ให้สิทธิลูกหนี้ผู้ขายฝากนำสินไถ่มาชำระหนี้ล่วงหน้าก่อนถึงวันกำหนดไถ่ถอนได้ โดยได้สิทธิลดต้นลดดอก ฝ่ายเจ้าหนี้หรือผู้ซื้อฝากจะคิดว่าปรับได้คล้ายๆ กับธนาคาร เป็นค่าเสียโอกาสที่จะได้ดอกเบี้ย แต่ค่าปรับต้องไม่เกิน 2% ของเงินต้น คิดจากวันที่ชำระก่อนกำหนดจนถึงวันครบกำหนดไถ่
  • ลูกหนี้มีสิทธิใช้ที่ดินต่อไปโดยไม่มีค่าใช้จ่าย  และดอกผลทรัพย์สินระหว่างการขายฝากตกเป็นของผู้ขายฝาก โดยหลังขายฝากที่ดินไปแล้ว ลูกหนี้ผู้ขายฝากยังสามารถใช้ที่ดินทำเกษตรกรรมและเป็นที่อยู่อาศัยต่อไปได้ โดยไม่ต้องแบ่งรายได้หรือจ่ายค่าเช่าให้แก่เจ้าหนี้ ในวันจดทะเบียนขายฝาก ลูกหนี้ให้ผู้อื่นเช่าที่ดินอยู่ก็ให้สัญญาเช่ายังมีผลต่อไปสมบูรณ์ โดยให้ค่าเช่าตกเป็นของลูกหนี้ผู้ขายฝาก แต่ถ้าจดทะเบียนขายฝากไปแล้วลูกหนี้เพิ่งจะนำที่ดินออกให้คนอื่นเช่าทำเกษตรกรรมหรือเป็นที่อยู่อาศัยก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ให้ตกลงกันเองระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ว่าใครจะเป็นผู้รับค่าเช่า
โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

กู้นอกระบบสะพัด แบงค์ไม่ปล่อยสินเชื่อช่วง covid19

เงินกู้นอกระบบสะพัด รายย่อยอ่วมพิษเศรษฐกิจ-โควิดแห่กู้ ยอมถูกโขกดอกเบี้ยรายวันร้อยละ 10-20 “เอสเอ็มอี” แจ็กพอต ดิ้นหาแหล่งกู้อุดสภาพคล่องทั้งจำนอง-ขายฝาก หลัง “แบงก์-พิโกไฟแนนซ์” ผวาหนี้เสีย ปิดล็อกสินเชื่อ จับตานายทุนเงินกู้
นอกระบบสบช่องฟื้นธุรกิจสีเทา

แหล่งข่าวจากวงการเงินกู้นอกระบบเปิดเผย “ประชาชาติธุริจ” ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจ และวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างทำให้การปล่อยเงินกู้นอกระบบที่ก่อนหน้านี้ชะลอลงกลับมาสะพัดมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มคนที่ได้รับความเดือดร้อนทางด้านการเงิน ทั้งคนระดับรากหญ้า ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินในระบบได้ ต้องหันมาพึ่งเงินกู้นอกระบบ ยอมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยถูกโขกดอกเบี้ยรายวัน สูงถึงร้อยละ 10-20 บาท/วัน ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ซึ่งกู้เงินระดับ 100-1,000 ล้านบาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 15-20 ต่อปี สาเหตุหลักมาจากสถาบันการเงินในระบบทั้งแบงก์ และพิโกไฟแนนซ์ หยุดปล่อยกู้ปล่อยทรัพย์หลุดจำนอง-ขายฝาก

ทั้งนี้ รูปแบบการกู้นอกระบบของผู้ประกอบการจะใช้วิธีการนำหลักทรัพย์มาค้ำประกัน ในรูปแบบการขอกู้ ขายฝาก และจำนอง ซึ่งช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบปรากฏการณ์ลูกหนี้หลายรายจงใจขายทรัพย์ทิ้ง อย่างไรก็ตาม ภาพการขอกู้ของผู้ประกอบการขณะนี้อาจยังไม่มากนัก จากมาตรการของภาครัฐที่ให้ธนาคารช่วยเหลือลูกหนี้โดยให้หยุดส่งเงินต้น และดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดเดือนกันยายน 2563 จากนั้นอาจต้องจับตาดูว่า หากธนาคารไม่ดำเนินนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ต่อ จะมีผู้ประกอบการวิ่งหาเงินกู้นอกระบบเพิ่มขึ้นอีกมาก

โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจในภาคท่องเที่ยวและบริการที่ปัจจุบันรายได้เป็นศูนย์ รวมทั้งภาคส่งออกและอสังหาริมทรัพย์ที่ตลาดซบเซาหนัก มีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับ อาจได้เห็นธุรกิจล่มสลายอีกจำนวนมากที่น่ากลัวคือ 100% ของคนที่นำทรัพย์มาค้ำประกันเงินกู้ หรือขายฝาก 65% ยอมให้เจ้าหนี้ยึด และในจำนวนผู้ที่ขอกู้เงินส่วนใหญ่เป็นการกู้เพื่อนำไปเป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ ที่เหลือเอาไปกินใช้ ส่งผลให้คนทำธุรกิจเงินกู้นอกระบบหนี้เสีย 70-80% เช่นเดียวกับแบงก์

พิโกฯถอย นอกระบบมาแรง

นายไชยวัฒน์ อึ้งสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ทรีมันนี่ ผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์รายใหญ่ในภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ช่วงนี้เงินกู้นอกระบบมาแรงมากและแรงกว่าเดิม มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ 1.การกู้แบบธรรมดา มีหลักประกันเป็นรถ หรือโฉนดที่ดิน ประเภทนี้ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 10-20 ต่อเดือน

2.ประเภทพนักงานโรงงานกู้ไม่มีหลักประกัน ดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน

3.เงินกู้รายวัน เช่น กู้ 10,000 บาท จ่ายภายใน 24 วัน วันละ 500 บาท ดอกเบี้ย 2,000 บาท หรือกู้ 10,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยวันละ 200 บาท ตลอดไปจนกว่าจะนำเงินต้นมาคืนได้

“จากปีที่ผ่านมาเจ้าหนี้นอกระบบจำนวนมากถอดใจล้มกิจการไปแล้ว ตอนนี้หลายรายกลับมาปล่อยกู้ใหม่ ประเภทเอาบัญชีเงินฝากกับบัญชีเงินเดือนมาเป็นหลักค้ำประกันก็มี เข้ามาปิดยอดเพื่อเอาหลักประกันออก ทั้งที่เงินกู้สูงถึง 7-8 หมื่นบาท เพราะอยากกู้เพิ่ม แต่พิโกปล่อยกู้ให้ไม่ได้ สถาบันทางการเงินก็ปล่อยกู้น้อยมาก เพราะรายได้ลดลง ที่ทำงานถูกสั่งปิด เมื่อไม่มีเงินพอกินเลยปิดยอดในระบบ หันไปกู้นอกระบบ ซึ่งกู้ได้มากกว่า การกู้นอกระบบจึงกลับมาเฟื่องฟู พร้อมดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น”

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

ชาวบ้านจังหวัดขอนแก่นถูกหลอกทำขายฝาก

 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม มีเหยื่อจากนายทุนเงินกู้นอกระบบถูกหลอกให้ทำนิติกรรมขายฝาก เคยร้องทุกข์ศูนย์ดำรงธรรมแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า จึงรวมตัวกับชาวบ้านหมู่บ้านใกล้เคียงเข้าร้องเรียนกับกระทรวงยุติธรรม โดยมี นายประจวบ สืบนาคะ เลขารัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ จากตัวแทนชาวบ้านจังหวัดสุรินทร์ จำนวน 100 ราย จากผู้เสียหายกว่าพันราย

          สืบเนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายดังกล่าวโดนนายทุนหลอกให้ทำสัญญาจดจำนองที่ดิน บางรายถูกหลอกให้ทำสัญญาซื้อขาย ทั้งนี้ ผู้ได้รับความเดือดร้อนมีหลายกรณีคล้ายๆกัน เช่นกรณีของนาง ก (นามสมมุติ) ชาวบ้านจังหวัดขอนแก่น ได้แจ้งทั้งน้ำตาว่า ตนเองได้ไปกู้เงินกับนายทุนจำนวน 2 แสนบาท แต่กับได้รับเงินจริงเพียงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ที่เหลือนายทุนอ้างว่าหักเป็นค่านายหน้า โดยแท้จริงได้นำที่ดินไปทำสัญญาขายฝากในราคา 8 แสนบาท ซึ่งข้อเท็จจริงตนเองได้เงินเพียง หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท  จึงได้นำเรื่องร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมเพื่อเข้าสู่กระบวนไกล่เกลี่ย โดยให้ผู้ร้องชดใช้เงินจำนวนครึ่งหนึ่งของยอดขายฝากเป็นเงินจำนวน 4 แสนบาท ผู้ร้องเห็นว่าการดำเนินการไกล่เกลี่ยไม่เป็นธรรมจึงมาร้องขอความเป็นธรรมที่ ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น