ติดขายฝาก ใกล้ครบกำหนดแล้ว ทำอย่างไรดี ?

วิธีแก้ไขกรณีติดขายฝากและใกล้ครบกำหนดแล้ว แต่ยังไม่พร้อมที่จะไถ่ถอน และก็ไม่อยากให้ทรัพย์ที่ทำไว้ถูกยึดเช่นกัน ทำอย่างไรมาดูกันครับ

1.หากว่าผู้ขายฝากยังสามารถชำระดอกเบี้ยได้ ให้ติดต่อผู้รับซื้อฝาก(หรือนายทุน) เพื่อเจรจาขอขยายระยะเวลาการไถ่ถอนออกไป ซึ่งตรงนี้การหานายทุนที่ไว้ใจได้ ไม่หน้าเลือด เป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ เพราะถ้าเจอคนไม่ดีเนี่ย ถึงเวลาหมดสัญญาทางนายทุนอาจจะไม่ช่วยเหลือท่านโดยการต่อสัญญาให้นะครับ
2.ในกรณีที่ผู้ขายฝาก(ลูกหนี้) ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยได้ หากขอต่อสัญญาออกไป อาจจะต้องมีการเจรจากับนายทุนเพื่อขอวงเงินกู้เพิ่ม และนำเงินที่ได้นั้นมาจ่ายดอกเบี้ย สำหรับการต่อสัญญาเพิ่ม แต่! ทางนี้มีข้อเสียนะครับ เพราะเมื่อขอกู้เพิ่ม หมายความว่า วงเงินไถ่ถอนเนี่ยก็จะเพิ่มตาม ทำให้ยากต่อการไถ่ถอนเข้าไปอีก
3.ถ้าผู้ขายฝาก ไม่ชอบทางออกในข้อที่สอง หรือทางนายทุนปฏิเสธที่จะเพิ่มวงเงินกู้ให้ เราอาจจะหานายทุนคนใหม่ ที่ให้วงเงินมากกว่าเดิม และนำเงินที่ได้มาจ่ายหนี้ให้กับนายทุนคนเดิม หรือศัพท์ในวงการที่ดินจะเรียกว่าเป็นการ “เปลี่ยนมือ” แต่ข้อเสียที่ตามมาก็คือ ต้องเสียเวลาไปทำที่กรมที่ดิน และจะต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมการทำสัญญาให้กรมที่ดินอีกครั้ง และข้อจำกัดอีกอย่างของการใช้วิธีนี้คือ ถ้าวงเงินที่จะเปลี่ยนมือนั้น ใกล้เคียงกับราคาที่ประเมินมากๆนั้น ก็อาจจะหานายทุนที่รับช่วงต่อยากหน่อยครับ
4.ทางเลือกต่อมา ควรจะทำเมื่อเราพิจารณาแล้วว่าจะ ไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้แล้วแน่ๆ นั้นก็คือการ ขายทรัพย์นั้นก่อนหมดสัญญา ให้ได้ราคามากกว่าที่กู้ยืมไป  อย่างน้อยวิธีนี้จะทำให้เราได้เงินใช้หนี้ และยังพอเหลืออีกเงินส่วนต่างไว้ทำทุนต่อไป ดีกว่าปล่อยยืดเยื้อแล้วไม่เหลืออะไรเลยครับ และการทำเช่นนี้จะต้องตัดสินใจประกาศขายก่อนหมดสัญญา สักช่วงเวลาหนึ่งนะครับ เพื่อปกป้องการโดนกดราคาของผู้ที่จะมาซื้อ เราจะได้มีเวลาเพื่อเจรจาต่อรองมากขึ้น
5.การ กู้ซื้อ กับธนาคาร ถ้าหากเราไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนด้วยตนเองได้แล้ว และก็ไม่อยากจะเสียทรัพย์นั้นไปเช่นเดียวกัน ผู้ขายฝากอาจจะต้องรบกวนให้คนรู้จัก ญาติมิตร ที่ไว้เนื้อเชื่อใจเรา และมี Statement ที่ดีมาทำการ กู้ซื้อกับธนาคาร ซึ่งวิธีนี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมไม่อยากจะแนะนำให้ทำนะครับ เพราะถ้าเกิดกรณี ไม่คาดฝัน ให้เราไม่สามารถชำระหนี้ได้ คนที่มาช่วยเหลือเราอาจจะเกิดความเดือดร้อน หรืออาจจะทำให้ทะเลาะ บาดหมาง ผิดใจกันก็เป็นได้ครับ

6.หากสุดท้ายแล้ว ผู้ขายฝาก หมดหนทางจริงๆ แนะนำให้ เจรจากับนายทุนเพื่อขอให้ช่วยเหลือ อาจจะขอเป็นเงินทุนซักก้อนมาก-น้อยแล้วแต่จะเจรจาได้ ดีกว่าปล่อยที่ดินหลุดไปเฉยๆนะครับ ถ้าผู้ขายฝากได้นายทุนดีๆไป เขาเหล่านั้นพร้อมจะช่วยเหลือหากสุดหนทางจริงๆครับ

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ไม่มีหมวดหมู่ และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.